ถ้าคุณชอบหนังที่ทั้งบันเทิง ดิบจริง และมีอะไรให้คิดตาม

[Anunakiiz]

ถ้าคุณชอบหนังที่ทั้งบันเทิง ดิบจริง และมีอะไรให้คิดตาม

ถ้าคุณชอบหนังที่ทั้งบันเทิง ดิบจริง และมีอะไรให้คิดตาม Freaky Tales คือหนังที่คุณไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นในเมืองโอ๊คแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ในปี 1987 ที่ซึ่งพลังลึกลับบางอย่างกำลังเปลี่ยนชะตาชีวิตของคนธรรมดาให้กลายเป็นตำนานที่ไม่มีวันลืม ทุกตัวละครที่คุณจะได้พบในหนังเรื่องนี้มีเรื่องราวที่น่าติดตาม ทั้งหมดค่อยๆ เชื่อมโยงกันด้วยพลังที่ทั้งเหนือธรรมชาติและทรงพลังสุดขั้ว เปิดเรื่องมาก็ปะทะกับพลังดิบของวัยรุ่นกลุ่มพังก์ที่ไม่ยอมให้ใครมาย่ำยีพื้นที่ของพวกเขา เมื่อพวกสกินเฮดนาซีบุกเข้ามาสร้างความปั่นป่วน แก๊งเด็กพังก์ต้องรวมพลังกันเพื่อต่อสู้แบบไม่มีถอย ฉากนี้ทั้งเท่ ดิบ และเต็มไปด้วยพลังวัยรุ่นที่ไม่ยอมแพ้ต่อความอยุติธรรม ถ้าคุณอินกับความดื้อแบบมีเหตุผลและการยืนหยัดเพื่อชุมชน ฉากนี้จะทำให้คุณใจเต้นไม่หยุด จากนั้นก็พาเราไปพบกับดูโอ้แร็พหน้าใหม่ที่กำลังฝันอยากจะก้าวขึ้นเป็นตำนานของวงการฮิปฮอป พวกเขาไม่เพียงต้องฝ่าฟันกับโลกดนตรีที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและความไม่แน่นอน แต่ยังต้องรับมือกับสิ่งลี้ลับบางอย่างที่ดูเหมือนจะทดสอบความฝันและจิตวิญญาณของพวกเขา ถ้าคุณชอบหนังที่พูดถึงความฝัน ศิลปะ และแรงผลักดันในการใช้เสียงของตัวเองให้เปลี่ยนโลก เรื่องราวนี้จะจุดไฟในตัวคุณแน่นอน พล็อตที่สามพาเรามารู้จักกับชายคนหนึ่งซึ่งทำงานเป็นลูกน้องให้กับผู้มีอิทธิพลในเมือง เขาเหนื่อยล้า เบื่อหน่าย และเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดในสิ่งที่ทำมาทั้งชีวิต วันหนึ่งเขาได้รับโอกาสให้ไถ่บาป เป็นโอกาสเดียวที่จะเปลี่ยนชีวิตจากคนที่เคยทำผิดให้กลับมามีความหมาย ฉากนี้ลึกซึ้ง หนักแน่น และเต็มไปด้วยอารมณ์ มันพูดถึงการให้อภัย การเลือกเส้นทางใหม่ และความหวังที่ยังมีอยู่แม้ในที่มืดมนที่สุด สุดท้ายคือการมาถึงของซูเปอร์สตาร์ NBA ผู้มีชื่อเสียงที่จู่ๆ ก็กลับมาโอ๊คแลนด์เพื่อสะสางบางอย่างที่ค้างคาในอดีต เขาไม่ได้กลับมาเพื่อเล่นบาส แต่กลับมาเพื่อตัดสินใจบางอย่างที่จะเปลี่ยนชีวิตหลายคน ฉากนี้สะเทือนอารมณ์ เต็มไปด้วยพลังการตัดสินใจของคนที่เคยอยู่จุดสูงสุดและกำลังเลือกทางเดินใหม่อย่างจริงจัง จุดเด่นของหนังเรื่องนี้คือการเชื่อมโยงสี่เรื่องราวที่ดูเหมือนจะแยกจากกันให้รวมกันอย่างกลมกลืน มีทั้งแอ็กชัน ดราม่า ลึกลับ และเหนือธรรมชาติ แถมยังมีสไตล์ภาพและดนตรีที่พาเรากลับไปในยุค 80 ได้อย่างสมจริง ชวนให้คิดถึงวัฒนธรรม ฮิปฮอป พังก์ และความเป็นโอ๊คแลนด์ในแบบที่ไม่เคยมีหนังเรื่องไหนถ่ายทอดได้เท่านี้มาก่อน สิ่งที่ทำให้ Freaky Tales โดดเด่นกว่าแค่หนังสี่ตอนคือการที่แต่ละเรื่องเล่าในมุมของคนที่อยู่ชายขอบของสังคม แต่กลับมีพลังมากพอจะเปลี่ยนโลกใบนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเด็กพังก์ที่ไม่มีใครเหลียวแล แร็พเปอร์หน้าใหม่ที่ไม่มีใครรู้จัก ลูกน้องที่สังคมมองว่าไม่มีค่า หรือแม้แต่ซูเปอร์สตาร์ที่ทุกคนเคยเชิดชู แต่เขากลับรู้สึกว่างเปล่าจนต้องกลับมาตั้งคำถามกับชีวิตของตัวเอง หนังเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ความบันเทิง แต่มันคือคำถามต่อโลกที่เราอยู่ว่า ใครกันแน่ที่มีสิทธิ์จะเปลี่ยนแปลงอนาคต และมันจะเป็นยังไงถ้าเรากล้าเลือกเส้นทางที่แตกต่าง ใครที่กำลังมองหาหนังที่ดูแล้วทั้งมันส์ มีสไตล์ เท่ ลึก และกินใจ Freaky Tales คือคำตอบที่คุณไม่ควรเลื่อนผ่าน หนังเรื่องนี้ไม่ได้แค่บอกเล่าเรื่องราว แต่พาคุณเข้าไปอยู่ในนั้นจริงๆ ทุกตอนเหมือนบทเพลงแห่งเมืองโอ๊คแลนด์ที่กลายเป็นเสียงร้องของคนที่อยากมีที่ยืนในโลกนี้