• Welcome to กระดานเสวนาเทศบาลตำบลท่าประจะ.
 
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Lali

#1

อยากเปิดคลินิกทันตกรรมเป็นของตัวเอง อย่าลืมวางแผนวิธีการจัดทำ บัญชีคลินิกทันตกรรม ให้ดีก่อนเปิดกิจการ ซึ่งวันนี้ นรินทร์ทอง ได้นำวิธีการวางแผนทำบัญชีคลินิกทันตกรรม มาแชร์ให้ทุกคนในบทความนี้!
อยากเปิดคลินิกทันตกรรม หาที่ปรึกษาด้าน บัญชี แนะนำ นรินทร์ทองคลิกอ่านที่นี่

การวางแผนทำ บัญชีคลินิกทันตกรรม


1. กำหนดผังบัญชี (Chart of Accounts) - ด้วยการจัดหมวดหมู่รายรับ-รายจ่ายให้ชัดเจน เพื่อให้ง่ายต่อการบันทึกและตรวจสอบ ซึ่งผังบัญชีที่ควรมีสำหรับคลินิกทันตกรรม ได้แก่
  • ต้นทุนสินค้าและบริการ (Cost of Goods Sold - COGS)
  • ค่าใช้จ่าย (Expenses)
  • รายได้ (Revenue)
2.  บันทึกรายรับ-รายจ่าย อย่างสม่ำเสมอ  - คือการบันทึกข้อมูลอย่างครบถ้วนและสม่ำเสมอ เพื่อให้ข้อมูลมีความถูกต้องและเป็นปัจจุบัน
  • บันทึกรายรับ
  • บันทึกรายจ่าย
  • การจัดการสต็อก
3. จัดทำรายงานทางการเงิน  - เพื่อใช้ในการวิเคราะห์และตัดสินใจทางธุรกิจ
  • งบกำไรขาดทุน (Income Statement)
  • งบกระแสเงินสด (Cash Flow Statement)
4. การจัดการภาษี  - คลินิกทันตกรรมต้องมีการจัดการภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
  • ภาษีเงินได้
  • ภาษีหัก ณ ที่จ่าย
  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
ทำความเข้าใจรายละเอียด การวางแผนทำ บัญชีคลินิกทันตกรรมเพิ่มเติมคลิก

โครงสร้างธุรกิจบัญชีคลินิกทันตกรรม


1. ต้นทุนของบัญชีคลินิกทันตกรรม - คือ ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการให้บริการรักษาแต่ละเคส ซึ่งเป็นต้นทุนที่ผันแปรตามจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับบริการ ตัวอย่างเช่น
  • ค่าวัสดุและอุปกรณ์ ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโดยตรง
  • ค่าใช้จ่ายทางห้องปฏิบัติการ (Dental Lab)
  • ค่าคอมมิชชั่นทันตแพทย์
2. ค่าใช้จ่ายบัญชีคลินิกทันตกรรม - คือค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการรักษา แต่จำเป็นต่อการเปิดให้บริการ ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ
  • ค่าใช้จ่ายคงที่
  • ค่าใช้จ่ายผันแปร


3. รายได้ของบัญชีคลินิกทันตกรรม - มาจากการให้บริการและขายสินค้า ซึ่งควรมีการแยกประเภทรายได้ให้ชัดเจน เพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์
  • รายได้ค่ารักษาทางทันตกรรม
  • รายได้จากการขายสินค้า
  • รายได้อื่นๆ

การเก็บเอกสาร
1.  หมวด "ข้อมูลกิจการ" ซึ่งประกอบไปด้วย
  • หนังสือรับรองการจดทะเบียน และเอกสารการจดทะเบียนบริษัท
  • งบการเงินของปีก่อน
  • ภ.ง.ด.50 / ภ.ง.ด.51 ของปีก่อน
  • ภ.พ.01 , ภ.พ.09 , ภ.พ.20
  • สัญญาต่างๆ

2. หมวด "เอกสารขาย" ซึ่งประกอบไปด้วย
  • ใบสำคัญรับเงิน Receipt Voucher
  • สำเนาใบเสร็จรับเงิน
  • สำเนาใบแจ้งหนี้ / ใบส่งของ / ใบกำกับภาษีขาย
  • สำเนาใบลดหนี้ขาย กรณีราคาผิด คืนสินค้า
  • หลักฐานการรับชำระเงิน สำเนาเช็ครับ สลิปการโอน
  • ธุรกิจบริการ สำเนาหนังสือหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ)
  • อื่นๆ เช่น ใบสั่งซื้อ (ถ้ามี)
3. หมวด "เอกสารซื้อ" ซึ่งประกอบไปด้วย
  • ใบสำคัญจ่าย ต้องมีลายเซ็นผู้รับเงิน
  • ใบแจ้งหนี้ / ใบส่งของ / สำเนาใบกำกับภาษี
  • ต้นฉบับใบเสร็จรับเงิน
  • หลักฐานการจ่ายเงิน สลิปโอนเงิน สำเนาเช็ค
  • หนังสือรับรองภาษีหัก ณ ที่จ่าย (50ทวิ)
  • สำเนาบัตรประชาชน (กรณีจ้างบุคคล)
  • ใบรับเงินหรือใบแทนใบเสร็จรับเงิน (กรณีผู้ขายไม่ออกใบเสร็จรับเงิน)
  • อื่นๆ เช่น ใบสั่งซื้อ หนังสือจัดจ้าง (ถ้ามี)
4. หมวด "ภาษีขาย" ซึ่งประกอบไปด้วย
  • สำเนาใบกำกับภาษีขาย
  • รายงานภาษีขาย
5. หมวด "ภาษีซื้อ" ซึ่งประกอบด้วย


  • ต้นฉบับใบกำกับภาษีซื้อ

  • รายงานภาษีซื้อ
6. หมวด "ภาษีถูกหัก ณ ที่จ่าย" เมื่อมีผู้เข้ารับบริการในคลินิกโดยใช้สิทธิ์ประกันสังคม ทางคลินิกจะต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 1% ประกันสังคมจะจ่ายค่าบริการให้แก่คลินิก พร้อมให้ต้นฉบับกับสำเนาหนังสือภาษีหัก ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) ซึ่งประกอบไปด้วย
  • ต้นฉบับเก็บแฟ้มภาษีหัก ณ ที่จ่าย
  • สำเนาชุดใบสำคัญรับชำระหนี้
7. หมวด "งานภาษี (Tax File)" ซึ่งประกอบไปด้วย
  • ภาษีหัก ณ ที่จ่าย เช่น ภ.ง.ด.1 ภ.ง.ด.3 ภ.ง.ด.53
  • สำหรับคลินิกทันตกรรมที่จดทะเบียน VAT ต้องเก็บ ภ.พ.30
  • รายงานภาษีซื้อและรายงานภาษีขาย ภ.ง.ด.50 และ ภ.ง.ด.51 ของปีปัจจุบัน
  • ประกันสังคมและกองทุนทดแทนต่างๆ
8. หมวด "เงินเดือนและประกันสังคม" ซึ่งประกอบไปด้วย
  • แบบยื่นภาษี ภ.ง.ด.1
  • แบบนำส่งเงินสมทบประกันสังคม (สปส.1-10)
  • ตารางสรุปการจ่ายเงินเดือน


9. หมวด "ทะเบียนสินทรัพย์" สินทรัพย์จะต้องมีอายุการใช้งานเกิน 1 ปี และมีมูลค่าขั้นต่ำ 1,000 บาทขึ้นไป หรือตามนโยบายของคลินิก ซึ่งประกอบไปด้วย
  • เอกสารการซื้อ ใบเสร็จรับเงิน หรือใบกำกับภาษี
  • ทะเบียนทรัพย์สิน

อ่านตัวอย่างเคส การบันทึกบัญชีคลินิกทันตกรรมเพิ่มเติมคลิก

จัดทำ บัญชีคลินิกทันตกรรม อย่างมืออาชีพ ป้องกันปัญหาภาษีในอนาคต เลือก นรินทร์ทอง!

อันที่จริงแล้วการจัดทำ บัญชีคลินิกทันตกรรม ไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่คิด หากคุณเริ่มต้นจากการวางแผนและบันทึกข้อมูลอย่างเป็นระบบ จะช่วยให้คุณบริหารคลินิกได้อย่างมั่นคงและมีประสิทธิภาพในระยะยาว ขอแนะนำ นรินทร์ทอง เป็นที่ปรึกษาด้านการทำบัญชี ด้วยประสบการณ์ที่ให้บริการมากกว่า 20 ปี โดยมีบริการให้คุณได้เลือกใช้อย่างหลากหลาย ทำให้ธุรกิจของคุณสามารถเติบโต และมีประสิทธิภาพในการก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็น
  • การส่งภาษีอากร ทางเราสามารถยื่นภาษีให้ได้ โดยที่คุณไม่ต้องยุ่งยากกับการจัดเตรียมเอกสาร รวมไปถึงรับจัดทำรายงาน และให้คำปรึกษาทางด้านภาษี
  • รับจดทะเบียนบริษัท เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทของคุณ โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากการจดทะเบียน เพราะเราสามารถช่วยคุณได้
  • งานทางด้านการเงิน จะเป็นการดำเนินเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการยื่นแบบเงินเดือน และประกันสังคมของพนักงานที่ทำงานอยู่ภายในบริษัท
  • ให้บริการรับทำบัญชี หากใครที่กำลังรู้สึกว่าการทำบัญชีนั้นเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก และมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นมากมายภายในบริษัท ทางเราพร้อมที่จะดูแลคุณ


สำหรับใครที่ต้องการปรึกษาสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่...
Facebook : NarinthongOfficial
E-mail : narinthong.ac@gmail.com
Line : @Narinthong
Tel : 081-627-6872 , 02-404-2339
#2

หากใครที่มีแนวโน้มอยากปิดบริษัท หรือต้องการเลิกทำกิจการ แต่ไม่รู้ว่าต้องเริ่มต้นจากขั้นตอนไหน? แล้วการ จดเลิกบริษัท ราคา เท่าไหร่? มาเรียนรู้ไปพร้อมๆ กันได้ในบทความนี้ กับ นรินทร์ทอง
จดเลิกบริษัท ราคา เท่าไหร่? ปรึกษาเราได้ที่ นรินทร์ทองคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่

จดเลิกบริษัท ราคา เท่าไหร่?


  • กรณีบริษัทไม่มี VAT - ค่าบริการจดทะเบียนเลิกบริษัทและเสร็จการชำระบัญชี อาจอยู่ที่ประมาณ 25,000 บาท
  • กรณีบริษัทมี VAT - ค่าบริการอาจอยู่ที่ประมาณ 30,000 บาท
  • ค่าธรรมเนียม - ค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนเลิกบริษัทและเสร็จการชำระบัญชีที่ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประมาณ 1,260 บาท
  • ค่าโฆษณาหนังสือพิมพ์ - อาจมีค่าใช้จ่ายในการประกาศโฆษณาเลิกบริษัทในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น
  • ค่าบริการอื่นๆ - อาจมีค่าบริการอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ค่าจัดทำบัญชี, ค่าตรวจสอบบัญชี, ค่าที่ปรึกษา, และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

อยาก จดเลิกบริษัท ต้องศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมคลิกอ่านที่นี่
ขั้นตอนการดำเนิน จดเลิกบริษัทราคา


1. การจดทะเบียนเลิกบริษัท - ขั้นตอนแรกเพื่อประกาศเจตนาอย่างเป็นทางการว่าจะเลิกบริษัท
  • มีมติเลิกบริษัท
  • แต่งตั้งผู้ชำระบัญชี
  • ยื่นจดทะเบียนเลิกบริษัท
2. การจดทะเบียนเสร็จชำระบัญชี - ดำเนินการหลังจากบริษัทได้เลิกกิจการและชำระบัญชีเรียบร้อยแล้ว
  • ชำระบัญชี
  • ประกาศโฆษณาในหนังสือพิมพ์
  • จัดทำงบการเงินฉบับสุดท้าย
  • ประชุมอนุมัติงบการเงิน
  • ยื่นจดทะเบียนเสร็จชำระบัญชี


จดเลิกบริษัท ราคา เท่าไหร่? ปรึกษาเราได้ที่ นรินทร์ทองคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่
เอกสารที่ลูกค้าจะได้รับในการจดเลิกบริษัท
1. หนังสือรับรองการจดทะเบียนเลิกบริษัท (เลิกกิจการ)
2. หนังสือขีดชื่อเลขประจำตัวผู้เสียภาษี (กรณีที่บริษัทจด Vat)
3. หนังสือรับรองการเสร็จชำระบัญชีบริษัท
ศึกษา ขั้นตอนการดำเนิน จดเลิกบริษัท กับ นรินทร์ทอง แบบละเอียดคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่

อยาก จดเลิกบริษัท ราคา สุดคุ้ม ไม่มีบวกเพิ่ม ให้ นรินทร์ทอง ช่วยวางแผน

จะเห็นว่า "การจดเลิกบริษัท" เป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและมีหลายขั้นตอน ดังนั้นการเลือกใช้บริการจากสำนักงานบัญชีที่มีความเชี่ยวชาญจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้การดำเนินการเป็นไปอย่างราบรื่น ถูกต้อง และรวดเร็ว สำหรับใครที่กำลังมองหาที่จดเลิกบริษัท ราคา สุดคุ้ม ไม่มีบวกเพิ่ม เราขอแนะนำ นรินทร์ทอง สำนักงานบัญชีที่เข้าใจธุรกิจทุกรูปแบบ และพร้อมเดินเคียงข้างคุณทุกขั้นตอน ด้วยประสบการณ์ที่ให้บริการมากกว่า 20 ปี โดยมีบริการให้คุณได้เลือกใช้อย่างหลากหลาย ทำให้ธุรกิจของคุณสามารถเติบโต และมีประสิทธิภาพในการก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็น
  • การส่งภาษีอากร ทางเราสามารถยื่นภาษีให้ได้ โดยที่คุณไม่ต้องยุ่งยากกับการจัดเตรียมเอกสาร รวมไปถึงรับจัดทำรายงาน และให้คำปรึกษาทางด้านภาษี
  • รับจดทะเบียนบริษัท เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทของคุณ โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากการจดทะเบียน เพราะเราสามารถช่วยคุณได้
  • งานทางด้านการเงิน จะเป็นการดำเนินเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการยื่นแบบเงินเดือน และประกันสังคมของพนักงานที่ทำงานอยู่ภายในบริษัท
  • ให้บริการรับทำบัญชี หากใครที่กำลังรู้สึกว่าการทำบัญชีนั้นเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก และมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นมากมายภายในบริษัท ทางเราพร้อมที่จะดูแลคุณ


สำหรับใครที่ต้องการปรึกษาสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่...
Facebook : NarinthongOfficial
E-mail : narinthong.ac@gmail.com
Line : @Narinthong
Tel : 081-627-6872 , 02-404-2339


#3
นรินทร์ทอง จะพาทุกท่านไปเรียนรู้ การวางแผนทําบัญชีร้านขายเสื้อผ้า พร้อมเรียนรู้แนวทางโครงสร้างของธุรกิจ การเก็บเอกสาร และตัวอย่างการบันทึกบัญชีในแต่ละเคสที่น่าสนใจ สำหรับใครต้องการแนวทางเหล่านี้ต้องห้ามพลาด!
เปิดร้านขายเสื้อผ้า ยังไงให้ราบรื่น ให้ นรินทร์ทอง ช่วยแนะนำอ่านเพิ่มเติมคลิก

การวางแผน ทำบัญชีขายเสื้อผ้า


1. ทำความเข้าใจประเภทของบัญชี - คุณต้องเริ่มจากการทำความเข้าใจบัญชีพื้นฐาน 3 ประเภท
  • รายได้ (Revenue)
  • ต้นทุนสินค้าที่ขาย (Cost of Goods Sold - COGS)
  • ค่าใช้จ่าย (Expenses)

2. เลือกระบบการทำบัญชี
  • บัญชีมือ (Manual Accounting)
  • โปรแกรมบัญชีสำเร็จรูป (Accounting Software)
  • จ้างนักบัญชี (Accountant)

3. บันทึกบัญชีรายรับ-รายจ่าย
  • บัญชีรายรับ
  • บัญชีรายจ่าย
4. การจัดการต้นทุนสินค้าคงคลัง (Inventory Management)
  • บันทึกการซื้อสินค้า
  • บันทึกการขายสินค้า
  • ตรวจสอบสต็อก
5. การจัดทำรายงานทางการเงิน - การบันทึกบัญชีอย่างเดียวไม่เพียงพอ คุณต้องนำข้อมูลมาสรุปเป็นรายงานเพื่อดูผลประกอบการ
  • งบกำไรขาดทุน (Income Statement)
  • งบดุล (Balance Sheet)
  • งบกระแสเงินสด (Cash Flow Statement)

6. การจัดการภาษี
  • ภาษีเงินได้
  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
  • ภาษีอื่นๆ
เรียนรู้การวางแผนทำบัญชีร้านเสื้อผ้า แบบละเอียดอ่านเพิ่มเติมคลิก

โครงสร้างธุรกิจเสื้อผ้า

- ต้นทุน (Cost) 
  • คือค่าใช้จ่ายจากต้นทุนจริง ที่เกิดขึ้นระหว่างการผลิตสินค้าหรือบริการ เช่น แรงงาน, วัสดุ, ค่าการตลาดและโฆษณา เป็นต้น
- รายได้ (Revenue)
  • รายได้จากการขายปลีก - การขายเสื้อผ้าให้กับลูกค้าโดยตรงผ่านหน้าร้าน, ร้านค้าออนไลน์ หรือแพลตฟอร์มต่างๆ
  • รายได้จากการขายส่ง - ขายเสื้อผ้าให้กับร้านค้าอื่นๆ หรือตัวแทนจำหน่ายในปริมาณมาก
  • รายได้จากการรับจ้างผลิต - รับจ้างผลิตเสื้อผ้าให้กับแบรนด์อื่นๆ หรือลูกค้าที่สั่งผลิตในปริมาณมาก
- ค่าใช้จ่าย (Expenses)
คือค่าใช้จ่ายทั่วไปที่ทำให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ ได้แก่
  • ค่าสาธารณูปโภค - ค่าน้ำ, ค่าไฟ, ค่าอินเทอร์เน็ต
  • ค่าเช่า - ค่าเช่าพื้นที่สำหรับหน้าร้าน, โกดัง, หรือสำนักงาน
  • ค่าขนส่ง - ค่าจัดส่งสินค้า, ค่าขนส่งวัตถุดิบ
  • ค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์ม - ค่าธรรมเนียมในการขายสินค้าบนแพลตฟอร์ม E-Commerce
  • ค่าใช้จ่ายอื่นๆ - ค่าบัญชี, ค่าที่ปรึกษา, ค่าซ่อมแซมอุปกรณ์

การเก็บเอกสาร
1. เอกสารการซื้อขาย
2. เอกสารการผลิต
3. เอกสารการเงิน
4. เอกสารทางการตลาด
5. เอกสารอื่นๆ
ซึ่งวิธีการจัดเก็บเอกสารสำหรับธุรกิจเสื้อผ้า สามารถทำได้ดังนี้
1. แบ่งแยกประเภทเอกสาร - แบ่งเอกสารตามประเภท เช่น เอกสารการเงิน, เอกสารการขาย, เอกสารการผลิต และเอกสารการตลาด เป็นต้น
2.จัดเก็บให้เป็นระบบ - คุณสามารถใช้ตัวช่วยอย่าง แฟ้มเอกสาร, ตู้เก็บเอกสาร หรือระบบจัดเก็บดิจิทัล (Cloud storage) เพื่อจัดเก็บเอกสารให้เป็นระเบียบ
3. ระบุหมวดหมู่ให้ชัดเจน - ติดป้ายชื่อหรือใช้ระบบการจัดหมวดหมู่ที่ชัดเจน เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหาเอกสาร
4. จัดทำสำเนา - จัดเก็บเอกสารต้นฉบับและสำเนาไว้ในที่ที่ปลอดภัย เพื่อป้องกันความเสียหายหรือการสูญหาย
5. รักษาความปลอดภัย - จัดเก็บเอกสารไว้ในสถานที่ที่ปลอดภัยและจำกัดการเข้าถึง เพื่อป้องกันการถูกขโมยหรือการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต
6. ทำลายเอกสารที่หมดอายุ - ทำลายเอกสารที่ไม่จำเป็นหรือหมดอายุตามที่กฎหมายกำหนด โดยใช้เครื่องทำลายเอกสารเพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล
7. จัดเก็บเอกสารดิจิทัล - สแกนเอกสารเป็นไฟล์ดิจิทัลและจัดเก็บในระบบคลาวด์ หรือฮาร์ดไดรฟ์สำรอง เพื่อความสะดวกในการเข้าถึงและป้องกันความเสียหาย

ตัวอย่างการบันทึกบัญชี ในแต่ละเคสที่น่าสนใจ
เคสที่ 1: ร้านเสื้อผ้าออนไลน์ขนาดเล็ก (ทำบัญชีแบบง่ายใน Excel)
ลักษณะธุรกิจ: ซื้อเสื้อผ้าจากตลาดขายส่ง มาขายต่อผ่าน Instagram,  Shopee หรือแพลตฟอร์มออนไลน์อื่นๆ ไม่มีการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล
การบันทึกบัญชี: ใช้ตาราง Excel ในการบันทึกข้อมูลหลัก 3 ส่วน ได้แก่ รายได้, ต้นทุนสินค้า, และค่าใช้จ่าย
ตัวอย่างการบันทึก: อันดับแรกต้องกำหนดคอลัมพ์ Excel ให้ละเอียดเลยว่า แต่ละคอลัมพ์มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง โดยเริ่มต้นกำหนดคอลัมพ์แรกให้เป็น วัน เดือน / ปี >> รายละเอียดค่าใช้จ่าย >> ช่องทางขาย >> จำนวนเงิน (รายได้) >> จำนวนเงิน (ต้นทุน) >> จำนวนเงิน (ค่าใช้จ่าย) >> หมายเหตุ
เคสที่ 2: ร้านเสื้อผ้าที่มีหน้าร้าน (ใช้โปรแกรม POS และโปรแกรมบัญชี)
ลักษณะธุรกิจ: มีหน้าร้านและขายผ่านช่องทางออนไลน์ มีการจดทะเบียนบริษัท มีการจ้างพนักงาน
การบันทึกบัญชี: สามารถทำได้ 2 ช่องทาง คือ
1. ณ จุดขาย (Point of Sale - POS) - ใช้ระบบ POS ในการบันทึกยอดขายทันทีที่ลูกค้าชำระเงิน ระบบจะบันทึกข้อมูลต่างๆ เช่น วันที่ขาย, จำนวนเงิน, วิธีชำระเงิน, และตัดสต็อกสินค้าอัตโนมัติ
2. โปรแกรมบัญชีสำเร็จรูป - นำข้อมูลยอดขายจากระบบ POS มาบันทึกในโปรแกรมบัญชี เช่น FlowAccount หรือ PEAK ซึ่งโปรแกรมจะช่วยจัดการ
  • บันทึกรายจ่าย - บันทึกค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าเช่า, เงินเดือนพนักงาน, ค่าไฟ, ค่าการตลาด
  • การจัดการสต็อก - โปรแกรมจะเชื่อมโยงกับระบบ POS เพื่อควบคุมสต็อกได้อย่างแม่นยำ
  • ภาษี - โปรแกรมจะคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และภาษีหัก ณ ที่จ่ายให้
  • การจัดทำรายงาน - โปรแกรมจะสร้างงบกำไรขาดทุนและงบดุลให้อัตโนมัติ
ตัวอย่างการบันทึก:
  • บันทึกยอดขาย  - โปรแกรมดึงข้อมูลจากระบบ POS เช่น ยอดขายวันที่ 15 ส.ค. จำนวน 15,000 บาท
  • บันทึกค่าใช้จ่าย  - บันทึกค่าเช่าร้าน 30,000 บาท
  • บันทึกต้นทุนสินค้า  - บันทึกการซื้อเสื้อผ้าล็อตใหม่ 100 ตัว เป็นเงิน 50,000 บาท
สนใจวางแผนทำบัญชีร้านเสื้อผ้า กับผู้เชี่ยวชาญอย่าง นรินทร์ทองอ่านเพิ่มเติมคลิก

เริ่มต้นทำธุรกิจขายเสื้อผ้า ให้ นรินทร์ทอง เป็นที่ปรึกษาด้าน ทำบัญชีขายเสื้อผ้า พร้อมต่อยอดธุรกิจ
การเลือก ทำบัญชีขายเสื้อผ้า โดยสำนักงานบัญชีที่มีความเชี่ยวชาญ ถือว่าเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์อย่างมาก หากคุณสนใจขอแนะนำ นรินทร์ทอง เป็นที่ปรึกษาด้านการทำบัญชี ด้วยประสบการณ์ที่ให้บริการมากกว่า 20 ปี โดยมีบริการให้คุณได้เลือกใช้อย่างหลากหลาย ทำให้ธุรกิจของคุณสามารถเติบโต และมีประสิทธิภาพในการก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็น
  • การส่งภาษีอากร ทางเราสามารถยื่นภาษีให้ได้ โดยที่คุณไม่ต้องยุ่งยากกับการจัดเตรียมเอกสาร รวมไปถึงรับจัดทำรายงาน และให้คำปรึกษาทางด้านภาษี
  • รับจดทะเบียนบริษัท เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทของคุณ โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากการจดทะเบียน เพราะเราสามารถช่วยคุณได้
  • งานทางด้านการเงิน จะเป็นการดำเนินเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการยื่นแบบเงินเดือน และประกันสังคมของพนักงานที่ทำงานอยู่ภายในบริษัท
  • ให้บริการรับทำบัญชี หากใครที่กำลังรู้สึกว่าการทำบัญชีนั้นเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก และมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นมากมายภายในบริษัท ทางเราพร้อมที่จะดูแลคุณ


สำหรับใครที่ต้องการปรึกษาสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่...
Facebook : NarinthongOfficial
E-mail : narinthong.ac@gmail.com
Line : @Narinthong
Tel : 081-627-6872 , 02-404-2339


#4
สิ่งแรกที่นักธุรกิจพิจารณา คือ การวางแผนแนวคิด รวมไปถึงความเข้าใจด้าน บัญชี และ ภาษี เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ ถ้าคุณอยากเปิดร้านนวดแผนไทย นรินทร์ทอง จะชวนทุกคนมาทำความเข้าใจเรื่องการทำ บัญชี ร้าน นวด ที่ต้องรู้ก่อนเริ่มต้นทำธุรกิจ
อยากเปิดร้านนวดแผนไทย ต้องเริ่มยังไงนรินทร์ทอง ยินดีให้คำปรึกษา

การวางแผนทำ บัญชี ร้าน นวด


1. การทำบัญชีด้วยตนเอง (Manual Accounting / Spreadsheet)
  • วิธีการ คือ ใช้สมุดบัญชีสำเร็จรูป หรือสมุดบัญชีแยกประเภททั่วไป (เช่น สมุดรายวันรับ, สมุดรายวันจ่าย) เพื่อบันทึกรายการ เหมาะสำหรับร้านนวดขนาดเล็กที่มีรายการไม่มากนัก เจ้าของกิจการมีความรู้พื้นฐานด้านบัญชี หรือต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย

2. การใช้โปรแกรมบัญชีสำเร็จรูป (Accounting Software)
  • วิธีการ คือ ใช้โปรแกรมบัญชีที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจโดยเฉพาะ ซึ่งมีทั้งแบบติดตั้งบนคอมพิวเตอร์ และแบบออนไลน์ เหมาะสำหรับร้านนวดขนาดกลางถึงใหญ่ หรือร้านที่ต้องการความถูกต้องแม่นยำ ประหยัดเวลา

3. การจ้างนักบัญชี/สำนักงานบัญชี (Outsourcing to Accountant/Accounting Firm)
  • วิธีการ คือ มอบหมายงานบัญชีทั้งหมดหรือบางส่วนให้นักบัญชีอิสระ หรือสำนักงานบัญชีเป็นผู้ดูแล เหมาะสำหรับร้านนวดทุกขนาดที่ต้องการความถูกต้องแม่นยำสูงสุด, ประหยัดเวลาของเจ้าของกิจการ, และต้องการคำแนะนำด้านภาษี

ศึกษา การวางแผนทำ บัญชี ร้าน นวด แบบละเอียดคลิกอ่านเต็มๆ ที่นี่

โครงสร้างธุรกิจร้าน นวด


1. ต้นทุนของธุรกิจขายร้านนวด
  • สำหรับธุรกิจบริการอย่างร้านนวด อาจเรียกได้ว่าเป็น ต้นทุนการให้บริการ ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับการให้บริการลูกค้าแต่ละครั้ง ซึ่งต้นทุนส่วนใหญ่จะอยู่ที่ การจ้างแรงงานเป็นหลัก (ต้นทุนค่าจ้าง-หมอนวด) และมีค่าวัสดุอุปกรณ์
2. รายได้ของธุรกิจขาย ร้าน นวด
  • รายได้หลักของธุรกิจนวดแผนไทย มาจากค่าบริการต่างๆ และอาจมีรายได้เสริมจากการขายสินค้าที่เกี่ยวข้อง เช่น รายได้จากการนวดไทยแบบดั้งเดิม (อาจแยกเป็น 1 ชม., 1.5 ชม., 2 ชม.),  รายได้จากการนวดที่ใช้น้ำมันหอมระเหย, รายได้จากการนวดบริเวณเท้า หรือ รายได้จากการขายแพ็กเกจระยะยาว
3. ค่าใช้จ่ายธุรกิจร้านนวด
  • ค่าใช้จ่ายร้านนวดแผนไทย โดยทั่วไปใช้เงินลงทุนค่อนข้างน้อย เพราะค่าใช้จ่ายธุรกิจร้านนวดคือ เงินที่ธุรกิจต้องจ่ายออกไปเพื่อดำเนินกิจการ ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการให้บริการลูกค้าแต่ละราย

การเก็บเอกสาร
1. การจัดเก็บแบบกายภาพ (Hard Copy)
  • แฟ้มเอกสาร: จัดทำแฟ้มแยกตามประเภทเอกสาร (เช่น แฟ้มรายรับ, แฟ้มรายจ่าย, แฟ้มพนักงาน) และแบ่งย่อยตามเดือน/ปี เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหา

  • ตู้เก็บเอกสาร: ใช้ตู้ที่มีกุญแจล็อคเพื่อความปลอดภัย โดยเฉพาะเอกสารสำคัญ
  • การเรียงลำดับ: จัดเรียงเอกสารตามวันที่ หรือตามลำดับเลขที่เอกสาร
2. การจัดเก็บแบบดิจิทัล (Soft Copy)
  • สแกนเอกสาร: สแกนเอกสารสำคัญให้เป็นไฟล์ดิจิทัล (PDF) เพื่อสำรองข้อมูลและลดการใช้พื้นที่จัดเก็บในคอมพิวเตอร์/External Hard Drive: สร้างโฟลเดอร์แยกตามประเภทเอกสารและปี
  • Cloud Storage: ใช้บริการ Cloud Storage (เช่น Google Drive, Dropbox, OneDrive) เพื่อความสะดวกในการเข้าถึงจากทุกที่ และเป็นระบบสำรองข้อมูลอัตโนมัติ
  • โปรแกรมบัญชี/บริหารจัดการร้าน: โปรแกรมเหล่านี้มักมีฟังก์ชันการจัดเก็บเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ หรือเชื่อมโยงกับเอกสารที่เกี่ยวข้อง

ตัวอย่างที่น่าสนใจพร้อมวิธีการบันทึก
การบันทึกรายได้รายครั้ง – รับเงินสด
คือ การให้บริการนวดเป็นรายครั้ง และลูกค้าจ่ายเงินทันทีหลังใช้บริการ เราจึงสามารถบันทึกรายได้ได้ทันที
ยกตัวอย่างเช่น: ลูกค้ามาใช้บริการร้านนวด 1 ชั่วโมง ค่าบริการ 1,000 บาท ชำระด้วยเงินสดหลังใช้บริการ
การบันทึกรายได้รายครั้ง – รับบัตรเครดิต
การรับชำระบัตรเครดิต เป็นอีกทางเลือกในการรับเงิน ถ้าร้านค้ารับชำระด้วยบัตรเครดิต ธนาคารจะคิดค่าธรรมเนียมจากร้านค้าต่อรายการ เช่น ร้อยละ 1% จากจำนวนเงินที่จ่ายต่อครั้ง เป็นต้น ซึ่งนอกจากจะเกิดรายได้แล้ว ในขณะเดียวกันก็เกิดค่าใช้จ่ายที่เรียกว่า ค่าธรรมเนียมธนาคารด้วยเช่นกัน
ยกตัวอย่างเช่น: ลูกค้ามาใช้บริการร้านนวด 1 ชั่วโมง ค่าบริการ 1,000 บาท ชำระด้วยบัตรเครดิตหลังใช้บริการ โดยธนาคารจะหักค่าธรรมเนียม 1% ก่อนโอนเงินให้ร้านค้า
สนใจวางแผนทำ บัญชี ร้าน นวด กับเรานรินทร์ทองคลิกอ่านเต็มๆ ที่นี่

เรียนรู้แนวทางการเสียภาษี และจัดทำ บัญชี ร้าน นวด ปรึกษาเราได้ที่ นรินทร์ทอง
สำหรับใครที่สนใจเปิดธุรกิจร้านนวดแผนไทย คุณสามารถหา สำนักงานบัญชีมืออาชีพ เพื่อคลายความกังวลด้านบัญชีและภาษีให้กับร้านของคุณ เราขอแนะนำนรินทร์ทองสำนักงานบัญชีที่เข้าใจธุรกิจทุกรูปแบบ และพร้อมเดินเคียงข้างคุณทุกขั้นตอน ด้วยประสบการณ์ที่ให้บริการมากกว่า 20 ปี โดยมีบริการให้คุณได้เลือกใช้อย่างหลากหลาย ทำให้ธุรกิจของคุณสามารถเติบโต และมีประสิทธิภาพในการก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็น
  • การส่งภาษีอากร ทางเราสามารถยื่นภาษีให้ได้ โดยที่คุณไม่ต้องยุ่งยากกับการจัดเตรียมเอกสาร รวมไปถึงรับจัดทำรายงาน และให้คำปรึกษาทางด้านภาษี
  • รับจดทะเบียนบริษัท เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทของคุณ โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากการจดทะเบียน เพราะเราสามารถช่วยคุณได้
  • งานทางด้านการเงิน จะเป็นการดำเนินเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการยื่นแบบเงินเดือน และประกันสังคมของพนักงานที่ทำงานอยู่ภายในบริษัท
  • ให้บริการรับทำบัญชี หากใครที่กำลังรู้สึกว่าการทำบัญชีนั้นเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก และมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นมากมายภายในบริษัท ทางเราพร้อมที่จะดูแลคุณ


สำหรับใครที่ต้องการปรึกษาสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่...
Facebook : NarinthongOfficial
E-mail : narinthong.ac@gmail.com
Line : @Narinthong
Tel : 081-627-6872 , 02-404-2339